
เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าโวย สสส. ออกข่าวบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายเพิ่มจาก 5% เป็น 67% ไม่ถูกต้อง ชี้สองงานวิจัยที่ทำการศึกษาคนละวิธีเอามาเทียบกันไม่ได้ พร้อมแนะ สสส. และ NGO สายสุขภาพอย่านำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนเพราะจะสร้างความกังวลให้กับสังคมได้ ย้ำประเทศไทยต้องรีบทำบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมายเพื่อป้องกันปัญหาการให้ข้อมูลผิดๆ แบบในปัจจุบัน และช่วยชีวิตคนไทยที่เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ปีละกว่า 70,000 คน
นายมาริษ กรัณยวัตน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “เครือข่ายลาขาดควันยาสูบ” และแอดมินเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน กล่าวถึงการนำข้อมูลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอทาโก ประเทศนิวซีแลนด์ ไปเปรียบเทียบกับสาธารณสุขอังกฤษ (Public Health England) ว่า “การนำผลการศึกษานี้ไปเปรียบเทียบกับรายงานของ PHE แล้วสรุปว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 67% เป็นการสรุปที่ไม่ถูกต้อง เพราะรายงานของ PHE ที่บอกว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่นั้น เป็นการวัดปริมาณสารเคมี โดยรายงานระบุว่าสารประกอบในควันบุหรี่รวมทั้งสารก่อมะเร็งซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แทบจะไม่เจอเลยในไอละอองของบุหรี่ไฟฟ้า หรือถ้าเจอก็จะอยู่ในระดับที่ต่ำเพียง 5% เมื่อเทียบกับที่เจอในควันบุหรี่ ขณะที่การศึกษาของ ม. โอทาโก เป็นการสะท้อนถึงการเกิดโรค เมื่อตัวชี้วัดทางกายภายได้รับสารเคมีจากไอละอองเข้าไป ซึ่งการศึกษาสรุปชัดเจนว่าอันตรายต่อสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ที่ 33.2% เทียบกับบุหรี่”
นายมาริษยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แสดงให้เห็นว่า สสส. และ NGO สายสุขภาพยังคงพยายามใช้เทคนิคเดิมๆ โดยการให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน และดิสเครดิสงานวิจัยที่ผ่านการรวบรวมข้อมูลอย่างมีมาตรฐาน โดยบอกว่ามี 2 งานที่เป็นงานที่สนับสนุนโดยบริษัทยาสูบ โดยไม่พิจารณาผลการวิจัยและความน่าเชื่อถือของการทำวิจัย แสดงถึงอคติที่มีต่อบุหรี่ไฟฟ้า จนทำให้ละเลยข้อเท็จจริงที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ ซึ่งคนที่เป็นแพทย์และต้องการรักษาชีวิตของผู้สูบบุหรี่ ไม่ควรเพิกเฉยกับข้อมูลที่มีประโยชน์และน่าจะช่วยลดอันตรายหรือรักษาชีวิตผู้สูบบุหรี่ได้”
งานวิจัยซึ่งจัดทำโดยมหาวิทยาลัยโอทาโกดังกล่าวเป็นการรวบรวมการศึกษา 5 ชิ้นที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานจาก 584 ชิ้นโดยดูตัวชี้วัดทางกายภาพ (biomarker) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าจะก่อให้เกิดโรคในกลุ่มผู้สูบบุหรี่ที่เปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อเป็นการสะท้อนถึงการรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย โดยจะทำการศึกษาว่าเมื่อร่างกายได้รับสารเคมีจากไอละอองของบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว ตัวชี้วัดเหล่านั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ก่อนจะนำผลจากตัวชี้วัดทางกายภาพดังกล่าว มาคำนวณความสูญเสียทางสุขภาพที่ทำให้เกิดโรคที่จำเพาะกับการสูบบุหรี่เทียบกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ซึ่งพบว่าอันตรายต่อสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้าอยู่เพียงแค่ 33.2% เทียบกับบุหรี่
“ข้อสรุปของงานวิจัยนี้ผลการศึกษาฉบับนี้สอดคล้องกับที่หน่วยงานสาธารณสุขชั้นนำจากหลายประเทศ เช่น สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ กระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์ หรือองค์กรเพื่อการวิจัยโรคมะเร็งระหว่างประเทศขององค์การอนามัยโลกที่ยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่ ซึ่งข้อมูลลักษณะนี้ควรได้รับการนำเสนอเพื่อให้คนสูบบุหรี่ได้รู้ว่า บุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่เป็นทางเลือกที่ทดแทนการสูบบุหรี่ได้ แต่การแบนบุหรี่ไฟฟ้าของไทยทำให้มีแต่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องที่กลุ่มต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าพยายามนำเสนอ เพราะอยากให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกแบนต่อไป เราอยากเห็นการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับสังคม จะได้หาทางควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าใหม่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดเช่นเดียวกับอีก 79 ประเทศทั่วโลก เพราะจากที่แบนบุหรี่ไฟฟ้ามาแล้ว 7 ปี มีแต่ผลลบมากมาย ปิดกั้นเสรีภาพในทางเลือกที่อันตรายน้อยกว่าของคนเกือบ 10 ล้านคน ก่อให้เกิดธุรกิจใต้ดินขนาดมหาศาลมากกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปีโดยกรมสรรพสามิตเก็บภาษีไม่ได้แม้แต่บาทเดียว และยังทำให้เกิดการทุจริตคอรับชั่นจับกุมรีดไถผู้ใช้และนักท่องเที่ยวต่างชาติ แล้วจะให้กระทรวงดิจิทัลฯ ไปวิ่งไล่จับไล่ปิดการขายออนไลน์ที่มีนับพันนับหมื่นรายก็เป็นไปได้ยาก จึงสมควรที่นำขึ้นมาควบคุมให้ถูกต้องตามกฎหมายได้แล้ว”
More Stories
ไทย สมายล์ กรุ๊ป เปิดตัวแคมเปญ Hob Card เพื่อตอบโจทย์คนเดินทาง ในงาน Job ExpoThailand 2023 ภายใต้งาน “คนไทยมีงานทำ คนหางาน งานหาคน พร้อมเปิดรับพนักงานมากกว่า 3,000 อัตรา
อีอีซี จับมือไอคอนสยาม สนับสนุนสินค้าพรี่เมี่ยมท้องถิ่นยกระดับสู่ตลาดสากล บอกเล่าเรื่องราวอัตลักษณ์ชุมชน สร้างรายได้ให้คน อีอีซีอย่างยั่งยืน
บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ประชาชน และชุมชนที่เกี่ยวข้อง ต่อการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ นิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้